รำลึกเหตุการณ์ครบรอบ 5 ปี รัฐประหาร
กลุ่มคนเสื้อแดง ร่วมชุมนุมรำลึกเหตุการณ์ครบรอบ 5 ปี การทำรัฐประหาร ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ขณะที่คณะนิติราษฎร์เปิดแถลงการณ์ "ลบล้างผลพวงของรัฐประหาร 19 กันยายน-จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่"
วีรบุรุษต้านรัฐประหาร
นวมทอง ไพรวัลย์ นักต่อสู้ภาคประชาชน กลายเป็นอนุสรณ์แห่งการต้านรัฐประหาร หลังผูกคอตายกับราวสะพานลอยเพื่อต่อต้านระบบเผด็จการเมื่อ 5 ปีที่แล้ว
นายกฯล่องเรือตรวจน้ำท่วม
นายกรัฐมนตรี ล่องเรือตรวจสถานการณ์น้ำแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมกำชับผู้ว่าราชการจังหวัด เร่งทำแนวป้องกันน้ำเหนือ ขณะที่ศอส.เตือน 8 จังหวัดภาคกลาง รับมือวิกฤตน้ำล้นตลิ่ง
Produced by Voice TV
18 กันยายน 2554
เหตุที่ทำให้เกิดการรัฐประหารในครั้งนั้นที่มีการประกาศอย่างเป็น ทางการมี สี่ประการคือ
ประการแรก การบ่อนทำลายเพื่อล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ทำกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ถึงขั้นอึกทึกครึกโครมชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นนับตั้งแต่ได้สถาปนากรุงรัตน โกสินทร์เป็นราชธานีเป็นต้นมา และแม้ถึงวันนี้การกระทำนั้นก็ยังเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง โดยผู้มีอำนาจใหม่ไม่จัดการถอนรากถอนโคน ปล่อยให้เชื้อไฟไหม้ลามอยู่ต่อไป
ประการที่สอง การคอร์รัปชั่นที่ในขณะนั้นถูกขนานนามว่าโคตรโกง และโกงกันทั้งโคตร นั่นคือเป็นการคอร์รัปชั่นโกงบ้าน ผลาญเมือง โกงชาติ โกงประชาชน จำนวนมหาศาลยิ่งกว่าระยะใดในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย จึงได้ชื่อว่าโคตรโกง และเพราะเอาวงศาคณาญาติ เพื่อนพ้องเข้ามาร่วมโกง จึงได้ชื่อว่าโกงทั้งโคตร
กลายเป็นแบบอย่างของการโกงชาติ โกงประชาชน รูปแบบใหม่ ลักษณะใหม่ และขั้นใหม่ แล้วเป็นแบบอย่างให้มีการต่อยอดการโกงชาติ โกงแผ่นดิน ตกทอดมาถึงปัจจุบันนี้ด้วย
ประการที่สาม มีการทำให้เกิดความแตกแยกแตกสามัคคีภายในชาติอย่างรุนแรง แบ่งแยกข้าราชการออกจากความเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แบ่งแยกทหารออกเป็นพวกเป็นเหล่า แบ่งแยกประชาชนเป็นผู้สนับสนุนและพวกปรปักษ์ ถึงขนาดประกาศท้าทายว่าพื้นที่ใดไม่สนับสนุนทางการเมืองก็จะไม่มีการสนับ สนุนงบประมาณ และเพื่อทำให้ผิดกลายเป็นชอบในสายตาของประชาชน จึงเข้าครอบงำแทรกแซงสื่อ ปิดหูปิดตาประชาชนอย่างกว้างขวาง
ประการที่สี่ มีการแทรกแซงองค์กรอิสระจนบ้าใบ้เดี้ยงไปหมดทุกองค์กร องค์กรเกี่ยวกับการเลือกตั้งก็บังเกิดพวกสามหนาห้าห่วง องค์กรปราบปรามการทุจริตก็กลายเป็นองค์กรป้องกันการทุจริตแห่งชาติ ไม่ให้ใครแตะต้องได้ ศาลรัฐธรรมนูญก็กลายเป็นศาลเตี้ยที่ทำตามคำสั่งทางการเมือง แม้วงราชการที่มีหน้าที่ตรวจสอบก็ถูกกำจัดคนดีออกไป เอาคนชั่วเข้ามานั่งแท่นเพื่อปกป้องคุ้มครองทุกการกระทำไม่ให้ถูกตรวจสอบ
เป็นเหตุให้ประชาชนลุกฮือขึ้นขับไล่ระบอบโกงทั้งโคตรนี้ จนกระทั่งต้องยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ แต่ก็โกงการเลือกตั้งจนต้องเลือกตั้งกันใหม่อีก เพื่อจะได้กลับมามีอำนาจโกงบ้านโกงเมืองกันใหม่
ในขณะนั้นพวกขบวนการที่จัดงาน 19 กันยา รำลึก ยังไม่ได้ผุดได้เกิดการเคลื่อนไหวใด ๆ เพราะยังไม่เกิดวิธีทำงานแบบผีโม่แป้งที่เชื่อมโยงมาถึงขบวนการเหล่านี้
ในขณะที่ประชาชนลุกฮือขึ้นขับไล่อำนาจรัฐอธรรมตามสิทธิ์อันพึงมีในระบอบ ประชาธิปไตย กลับได้รับการปฏิบัติอย่างเผด็จการต่อประชาชน แต่เป็นเผด็จการในลักษณะโจราธิปไตย
เพราะมีการใช้ความรุนแรงกับประชาชนทุกรูปแบบ ไม่ว่าการขว้างระเบิดเข้าใส่ การไล่ทุบตีทำร้าย การจัดมวลชนมาปะทะ และการใส่ร้ายป้ายสีทางสื่อ กระทั่งการคุกคามต่อสิทธิเสรีภาพและความปลอดภัย ซึ่งแม้เผด็จการทั่วไปก็ไม่ทำในสิ่งเหล่านี้
การกระทำทั้งหลายทั้งปวงที่ก่อตัวขึ้นเป็นระบอบการปกครองอันสามานย์ที่ ประชาชนไม่ต้องการ แต่ไม่ยอมละวาง ไม่ยอมสร้างความถูกต้องให้เกิดขึ้น แผ่นดินจึงเดือดรุ่มร้อนไปทั่วทั้งประเทศ แม้พระสงฆ์องค์เจ้าและสมณะชีพราหมณ์ทั้งปวงก็เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า
เสียงของประชาชนที่แต่ไหนแต่ไรมาไม่ปรารถนาการปฏิวัติรัฐประหารได้กลายเป็น เสียงร่ำร้องเรียกหาให้คณะทหารเข้ามาจัดการกับความผิดทำนองคลองธรรม จนเสียงก้องกระหึ่มไปทั้งแผ่นดิน
ดังนั้นในขณะที่ภาคประชาชนผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ กำลังนัดหมายชุมนุมใหญ่ในวันที่ 21 กันยายน จึงมีคนคิดทำรัฐประหารเพื่อกวาดล้างประชาชนที่ตื่นตัวทวงคืนแผ่นดิน และเพื่อดำรงระบอบการปกครองที่สามานย์ให้สืบทอดต่อไปในเชิงสันตติวงศ์แข่ง กับสถาบันพระมหากษัตริย์
มีการเตรียมแผนการจัดมวลชนเข้าปะทะกันจนถึงขั้นเลือดนองกรุงเทพฯ และจะฉวยสถานการณ์นั้นทำการรัฐประหารยึดอำนาจ
มีการตั้งกองบัญชาการยึดอำนาจไว้ที่หน่วยงานหนึ่งซึ่งต่อมาก็พยายามปรับ เปลี่ยนเป็นหน่วยงานต่อต้านรัฐประหาร แต่ถูกจัดการเสียก่อน
แผนการรัฐประหารรั่วไหลจนเป็นที่รู้กันทั่วไปในช่วงนั้นว่าในวันที่ 20 กันยายน เวลาเช้าตรู่ จะมีนักการเมืองคนสำคัญแอบเดินทางกลับเข้าประเทศ และพวกพ้องในกองทัพก็จะจัดการยึดอำนาจ กวาดล้างมวลมหาประชาชน และสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุลเสีย แล้วตั้งตนขึ้นเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
เมื่อข่าวรั่วไหลออกมาเช่นนี้ ขบวนการต่อสู้เพื่อโค่นล้มระบอบสามานย์จึงได้ปรับเปลี่ยนวันเวลานัดชุมนุม ใหญ่เป็นวันที่ 20 กันยายน แทนที่จะเป็นวันที่ 21 กันยายน
เมื่อเหตุการณ์เขม็งเกลียวเช่นนี้ คณะทหารที่หวังดีต่อประเทศชาติและไม่ปรารถนาเห็นคนไทยฆ่ากันเองเช่นนั้น จึงตัดสินใจเข้ายึดอำนาจ โดยการตัดสินใจเด็ดขาดเกิดขึ้นในเวลาประมาณช่วงเช้าของวันที่ 19 กันยายน 2549
เป็นการยึดอำนาจที่ขาดการเตรียมตัวอย่าง ยิ่ง และไม่มีความพร้อมอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงเป็นการรัฐประหารที่มีราคาแพงและได้ผลไม่คุ้มค่า จนทำให้ปัญหาคาราคาซัง กระทั่งเหตุปัจจัยทั้งหลายที่เป็นเหตุรัฐประหารครั้งนั้นก็ยังคงดำรงอยู่ อย่างครบถ้วนแม้ในวันนี้.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น